สืบก่อนจอง Groove รัชดา – พระราม 9

กรู๊ฟ รัชดา – พระราม 9
Groove Ratchada – Rama 9

ช่วงนี้ผมมีโอกาสได้แวะมาแถวโซนรัชดา – พระราม 9 ค่อนข้างบ่อยครับ ที่นี่เมื่อ 4 – 5 ปีก่อนผมมองว่ายังเป็นทำเลที่ดูเงียบๆ ไปหน่อย แต่ปัจจุบันไม่ใช่เลยครับ ที่นี่คึกคักไปด้วยเหล่านักธุรกิจมากมาย ซึ่งต้องบอกว่าถนนรัชดาภิเษก ถือเป็นถนนสายสำคัญที่เชื่อมต่อไปยังพระราม 9 ทำเลศักยภาพที่ขึ้นชื่อว่าเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ และยังเป็นทำเลมาแรงที่เหล่านักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยศักยภาพหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าขนาดใหญ่ เป็นศูนย์รวมของ Office Building และที่สำคัญก็คือโครงข่ายคมนาคมที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น BTS MRT Airport Link และยังมีถนนเส้นหลักที่สำคัญอีกด้วยครับ

และโครงการที่ผมมองว่าน่าสนใจอีกโครงการหนึ่งที่ตั้งอยู่บนทำเลรัชดา – พระราม 9 ก็คือโครงการ “GROOVE รัชดา – พระราม 9” จาก Divine Development เป็นคอนโด Low Rise บนพื้นที่ส่วนตัวด้วยจำนวนยูนิตเพียง 154 ยูนิต แต่กลับกัน ส่วนกลางของที่นี่ถือว่าจัดเต็มมากครับ และรูปแบบห้องยังมีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย รองรับผู้คนหลากไลฟ์สไตล์ ซึ่งตัวโครงการนั้นจะตั้งอยู่ในซอยรัชดาภิเษก 3 เส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นหลักได้ถึง 3 สาย คือ ถนนรัชดาภิเษก, ถนนดินแดง และถนนวิภาวดี ทำให้การเดินทางค่อนข้างสะดวก และยิ่งไปกว่านั้นโครงการยังอยู่ใกล้ MRT สถานีพระราม 9 ในระยะไม่เกิน 1 กม. อีกด้วยครับ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว หรือโดยสารสาธารณะก็ถือว่าสะดวกสบาย

ดังนั้น ผมจะพาทุกคนไปดูก่อนเลยครับว่าทำเลนี้มีศักยภาพด้านไหนบ้าง…

ทำเลศักยภาพ น่าลงทุน ใกล้ BTS MRT และ Airport Link

จุดแข็งของทำเลนี้อย่างที่ผมเกริ่นไปก่อนหน้าก็คือเรื่องของโครงข่ายคมนาคมครับ ทำเลนี้มีทั้งโครงการรถไฟฟ้า และใกล้จุดขึ้น – ลงทางด่วน อย่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินเองก็เป็นสายที่สามารถนั่งเข้าตัวเมืองได้โดยตรง และยังไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวอีกด้วย และยังมีโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีส้ม ที่เข้ามาเสริมศักยภาพของทำเลนี้ยิ่งขึ้น ซึ่งโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีส้มนี้เป็นเส้นที่เชื่อมต่อจากสายสีน้ำเงินที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ถือเป็นจุด Interchange ที่สำคัญเลยครับ คาดว่าจะพร้อมใช้บริการปี 2566

แต่นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้ว อย่างที่หลายคนอาจจะทราบแล้วว่าถนนรัชดาฯ นั้นเป็นถนนที่มีการเชื่อมต่อกับถนนหลักหลายเส้นทางเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นสุขุมวิท, อโศก, ดินแดง, พระราม 9, และวิภาวดีรังสิต ซึ่งในตัวพระราม 9 เอง ก็ยังเดินทางสะดวกเพราะใกล้ทางพิเศษฉลองรัชด้วยครับ

ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ รายล้อมด้วย Office Building เกรด A

รัชดา – พระราม 9 สำหรับผมแล้วถือว่าที่นี่เป็นอีกย่านที่เป็นศูนย์รวมของทุกไลฟ์สไตล์จริงๆ ครับ อย่างการมี Central Plaza Grand Rama 9 เมื่อหลายปีที่แล้ว ผมมองว่าทำเลนี้กลายเป็นย่านที่สร้างความหลากหลายเรื่องการช้อปปิ้งไปโดยปริยาย ยิ่งเมื่อรวมกับห้างชั้นนำอื่นๆ ในระแวกใกล้เคียงแล้ว นี่กลายเป็นอีกจุดแข็งของย่านนี้ไปเลย ไม่ว่าจะเป็น Fortune Town แหล่งรวมสินค้าด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุด, Esplanade ศูนย์การค้าและโรงละครขนาดใหญ่ หรือจะเป็น The Street รัชดา อีกหนึ่ง Life And Entertainment Center ของย่านนี้ครับ

แต่อีกสิ่งที่ผมไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือการเป็นศูนย์รวมของ Office Building เกรด A ของที่นี่ ซึ่งแต่ละสำนักงานที่อยู่ในย่านนี้ล้วนแต่เป็นสำนักงานใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น ภาพนี้ทำให้ผมมองเห็นถึงศักยภาพของการเป็นทำเลน่าลงทุน ทั้งการเข้ามาลงทุนของคนไทยเราเองและชาวต่างชาติ ทำให้การลงทุนในย่านนี้ค่อนข้างคึกคักมากยิ่งขึ้น และยังมีแนวโน้มว่าในอนาคตจะมีกลุ่มนักลงทุนอีกหลายกลุ่มธุรกิจเข้ามาปักหลักในทำเลนี้ด้วยครับ

จุดเด่นทำเล 

◼️ 950 เมตร MRT พระราม 9
◼️ 900 เมตร MRT ศูนย์วัฒนธรรม
◼️ เพียง 9 นาที MRT เพชรบุรี และ Airport Link มักกะสัน
◼️ 350 เมตรจากปากซอยรัชดา 3
◼️ ตรงข้าม เซ็นทรัล พระราม 9
◼️ ใกล้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
◼️ ใกล้แหล่งรวม Office ระดับ A Class

ต่อยอดความสำเร็จด้วยคอนเซปต์ “Move Up Together”

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับโครงการ “GROOVE รัชดา – พระราม 9” ก็คือคอนเซปต์ “Move Up Together” ที่ต่อยอดมาจากโครงการเดิมอย่าง “Groove รัชดา – ลาดพร้าว” ที่ใช้คอนเซปต์คล้ายกันคือ “Move Up Your Life” ซึ่งการ Move Up ที่โครงการต้องการจะสื่อของโครงการนี้ก็คือ การที่เราต้อง Move ตัวเองเข้ามาอยู่ใกล้เมืองมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ ดังนั้นการเจาะทำเลรัชดา – พระราม 9 ครั้งนี้ของ Divine Development ถือว่า Succeed ในระดับหนึ่งเลยครับ เพราะทำเลนี้อย่างที่ผมบอกไปแล้วว่าค่อนข้างมีศักยภาพในตัว ทั้งเรื่องคมนาคม หรือแม้แต่การเป็นศูนย์รวมของห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ และ Office Building มากมาย  

นอกจากนี้แล้ว เรื่องของการออกแบบตัวโครงการที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่และให้ส่วนกลางเยอะ รองรับทุกไลฟ์สไตล์ ถือว่าที่นี่เป็นอีกโครงการที่เหมาะกับการเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในย่านรัชดา – พระราม 9 เลยครับ เราลองมาดูกันดีกว่าครับว่าส่วนกลางที่ผมว่าโครงการให้มาเยอะและจัดเต็มนั้นจะมีอะไรบ้าง…

ส่วนกลางจัดเต็ม ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน

แม้ว่าโครงการนี้จะเป็นคอนโดรูปแบบ Low Rise แต่ส่วนกลางที่โครงการให้มาผมว่าเยอะ ซึ่งส่วนกลางมีขนาดใหญ่กว่า 1,500 ตร.ม. และจัดเต็มมากครับ อย่างพื้นที่จอดรถของโครงการเองก็มีให้ถึง 47% (รวมซ้อนจอด) และมีระบบ Auto Parking อีกด้วยครับ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางนั้นจะเริ่มที่ชั้น 1 และจะมีที่ชั้น 8 กับชั้น Roof Top ครับ เราลองไปดูกันครับว่าส่วนกลางของที่นี่มีอะไรน่าสนใจบ้าง…

Indoor – Outdoor Lobby : เริ่มที่มุมต้อนรับกันก่อนเลยครับ มุมนี้มีโต๊ะ – เก้าอี้ รองรับค่อนข้างเยอะ สามารถใช้เป็นมุมต้อนรับได้ หรือลูกบ้านจะมาพักผ่อน อ่านหนังสือช่วงเวลาว่างก็ได้เช่นกันครับ

Co-Working Space : สำหรับพื้นที่นี้จะเชื่อมต่อกับโซน Lobby เลยครับ เป็นอีกพื้นที่สำหรับลูกบ้านที่จะสามารถเข้ามานั่งทำงาน อ่านหนังสือได้ ซึ่งโครงการมีจัดวางโต๊ะนั่งหลากหลายมุมทั้งแบบกลุ่ม แบบเดี่ยว รองรับลูกบ้านได้อย่างเพียงพอ

Groove Box + Vending Machine Zone : สำหรับโซนนี้จะเป็นพื้นที่ของโครงการที่มีไว้บริการรับ – ส่งพัสดุให้กับลูกบ้านครับ ซึ่งไม่บ่อยเลยที่ผมจะเห็นโครงการไหนมีบริการแบบนี้ด้วย และติดกันก็จะมีจุดบริการเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ และเครื่องกดอาหารให้บริการตลอด 24 ชม. ด้วยครับ

Move Up Studio : พื้นที่กิจกรรมสำหรับสายสุขภาพ ซึ่งโซนนี้จะเป็นโซนสำหรับเล่นโยคะและเต้นโดยเฉพาะครับ

คราวนี้เราลองขยับขึ้นมาที่ชั้น 8 กันบ้างครับ…

Private Meeting Room : ห้อง Meeting ของโครงการจะอยู่ติดกับ Co-Kitchen Space ครับ มีกระจกใสกั้นไว้เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัวให้ ซึ่งภายในห้อง Meeting ก็จะมีโต๊ะประชุมและจอ Present งานเอาไว้ให้เสร็จสรรพ เรียกได้ว่าสะดวกมากครับ

Co-Kitchen Space : ออกมาจากห้อง Meeting ก็จะเจอกับพื้นที่สำหรับทำอาหารเลยครับ ซึ่งพื้นที่นี้ค่อนข้างกว้างและมีโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่เอาไว้รองรับลูกบ้านอย่างเพียงพอ ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่นี้สำหรับปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ได้นะครับ ในขณะเดียวกันพื้นที่ด้านข้าง Co-Kitchen Space นั้นจะเห็นว่ามีมุม Sunken Seat บริเวณด้านหลังสระว่ายน้ำด้วยครับ

Fitness : พื้นที่ออกกำลังกายของโครงการค่อนข้างดูมีสีสันเลยครับ ผมว่าดีไซน์ออกมาได้สวยดี มีกระจกทรงสูงด้านข้างสำหรับลูกบ้านไว้เทควิวยามออกกำลังกายได้ด้วย แถมภายในยังมีอุปกรณ์การออกกำลังกายทั้งแบบ Weight Training และ Cardio มาให้แบบจัดเต็ม

เราลองขึ้นมาดูที่ชั้น Rooftop กันบ้างครับ…

Sky Community : สำหรับพื้นที่นี้จะเน้นสีเขียวให้ลูกบ้านได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ มีมุมนั่งพักผ่อนและสามารถทำกิจกรรมตามจุดต่างๆ ได้ ในขณะเดียวกันแต่ละโซนก็ค่อนข้างเป็นส่วนตัวเลยครับ แถมรอบๆ ยังมีทางเดินแบบ Boosting Track สำหรับลูกบ้านใช้วิ่ง Jogging เบาๆ ได้ด้วยครับ

Pool Area : ต้องบอกว่าสระว่ายน้ำของโครงการจะอยู่ระหว่างชั้น 8 กับชั้น Rooftop ครับ ตัวสระจะเป็นสระระบบน้ำแร่ขนาด 20 x 4 เมตร ซึ่งเป็นสระแบบ Escalated Sky Pool มี Daybed สำหรับพักผ่อนชิลๆ ริมสระและยังมี Bubble Jacuzzi ให้นั่งแช่น้ำได้ด้วยครับ

Amphi – Theater Space : มุมนี้ทำมาได้ค่อนข้างดีเลยครับ ปกติแล้วพื้นที่ดูหนังของแต่ละโครงการมักจะเป็นห้อง และมีโซฟาหรือเก้าอี้รองรับในระนาบเดียวกัน แต่ที่นี่เป็นที่นั่งแบบสเตป แถมอยู่กลางแจ้ง ก็จะได้บรรยากาศอีกแบบครับ

คราวนี้เราลองไปดูรูปแบบห้องของโครงการนี้กันบ้างครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง…

รูปแบบห้องลงตัวด้วยแนวคิด “Modern Lively”

ในส่วนของรูปแบบห้องภายในโครงการนั้นมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ปรับเปลี่ยนได้หลายฟังก์ชันตามใจผู้อยู่อาศัย ซึ่งโครงการมาในแนวคิด “Modern Lively” ที่เพิ่ม Innovative Living แทรกเข้ามาเพื่อลูกบ้านโดยเฉพาะ อีกทั้งโครงการนี้ตกแต่งครบด้วยเฟอร์นิเจอร์ Trendy and Fully Furnished พร้อมเข้าอยู่ ผสานไปกับเทคโนโลยี Home Automation

ซึ่งรูปแบบห้องนั้นจะเป็น 1 Bedroom ต่างกันที่ฟังก์ชันและขนาด แต่ละ Type มีดังนี้ครับ… 

◼️ GROOVE Cooper : 1 Bedroom ขนาด 22 – 26 ตร.ม. = 62 ยูนิต
◼️ GROOVE XCoolsive : 1 Bedroom ขนาด 35 – 38 ตร.ม. = 12 ยูนิต
◼️ GROOVE Xtend : 1 Bedroom ขนาด 28 – 36 ตร.ม. = 37 ยูนิต
◼️ GROOVE Xtend Plus : 1 Bedroom Plus ขนาด 32 – 44 ตร.ม. = 43 ยูนิต

ซึ่งห้องตัวอย่างภายในโครงการจะมีด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้ครับ… 

◼️ GROOVE Cooper : 1 Bedroom ขนาด 23.81 ตร.ม.
◼️ GROOVE Xtend : 1 Bedroom ขนาด 28.97 ตร.ม.
◼️ GROOVE Xtend Plus : 1 Bedroom ขนาด 32.44 ตร.ม.

เราลองมาดูบรรยากาศภายในห้องตัวอย่างกันบ้างครับว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง…

GROOVE Cooper : 1 Bedroom ขนาด 23.81 ตร.ม.
รูปแบบห้องแบ่งสัดส่วนลงตัวกับการอยู่อาศัยจริง

เริ่มกันที่ห้องตัวอย่างแรกอย่างห้อง 1 Bedroom ขนาด 23.81 ตร.ม. กันครับ ผมเริ่มจากประตูห้องซึ่งโครงการจะให้แบบ Smart Digital Door Lock ของ Home Shield แบบ 3 ฟังก์ชัน ทั้ง Bio Metric Fingerprint Sensor, Pass Code และ Mechanical Key มาให้เพื่อความปลอดภัย และทุกห้องของโครงการผมต้องบอกก่อนว่าทางโครงการตกแต่งให้แบบ Fully Furnished พร้อมได้ Furniture Package สามารถเข้าอยู่ได้เลย สะดวกสบายมากครับ ซึ่งโซนแรกที่จะเจอเมื่อเข้าห้องมาก็คือ Living Area ครับ ผมชอบ Mood & Tone ของห้องนี้นะครับ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ดี ซึ่งห้องนี้ได้ฟังก์ชันครัวเปิดก็จริง แต่ว่าส่วนของห้องครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดระบายอากาศได้ อันนี้ผมว่าเป็นแปลนที่ดีครับ ส่วนตัวห้องน้ำนั้นก็จะเชื่อมต่อกับห้องครัวอีกที

สำหรับพื้นที่ของห้องนอนนั้นพื้นที่ค่อนข้างเยอะเลยครับ วางเตียงขนาด 3 – 5 ฟุตได้สบาย ประตูห้องจะเป็นกระจกใสบานเลื่อนที่สามารถเปิดรับแสงสว่างต่อทอดมาจากส่วนของหน้าต่างทรงสูงอีกทีครับ ทำให้บรรยากาศภายในห้องโล่ง โปร่ง สบายและน่าอยู่มากครับ

GROOVE Xtend : 1 Bedroom ขนาด 28.97 ตร.ม.
Living กว้าง ลงตัวด้วยฟังก์ชันครัวปิด

มาต่อกันที่ห้อง 1 Bedroom ขนาด 28.97 ตร.ม. กันบ้างครับ ซึ่งเมื่อเข้ามาภายในห้องแล้วจะเจอกับห้องครัวซึ่งเป็นครัวปิดก่อนเลยครับ แต่สิ่งที่ผมว้าวมากเป็นพิเศษก็คือความกว้างของบริเวณ Living Area ครับ ซึ่งการที่โครงการกั้นแต่ละห้องไว้เป็นสัดส่วนแบบนี้ทำให้เราได้ใช้พื้นที่ใช้สอยภายในห้องแบบจัดเต็มมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งในส่วนของห้องน้ำนั้นจะสามารถเข้าได้จากห้องนอนครับ

ในส่วนของพื้นที่ห้องนอนนั้นค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวมากครับ ซึ่งพื้นที่ด้านในห้องนอนนั้นสามารถวางเตียงตั้งแต่ 3 – 5 ฟุตได้แบบสบายๆ อีกทั้งยังมีพื้นที่เหลือให้สามารถ Built-in เฟอร์นิเจอร์หรือจัดวางเซตเครื่องแป้งสำหรับสาวๆ ได้ สำหรับห้องนี้ส่วนของห้องน้ำจะอยู่ภายในห้องนอนครับ ภายในแยกโซนแห้งโซนเปียกให้ ส่วนตัวสุขภัณฑ์ก็ใช้แบรนด์มาตรฐานครับ

GROOVE Xtend Plus : 1 Bedroom ขนาด 32.44 ตร.ม.
พื้นที่ใหญ่ ฟังก์ชันครบ มาพร้อมครัวปิด

มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายกันครับ สำหรับห้องนี้พื้นที่ค่อนข้างกว้าง ฟังก์ชันห้องลงตัวกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัว 2 -3 คนครับ เมื่อเปิดประตูห้องมาจะเจอกับ Living Area ขนาดใหญ่ และตรงข้ามกันก็จะเป็นครัวปิด ซึ่งถัดจากมุม Living นั้นจะมีมุมรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งจัดไว้ตรงมุมห้อง และห้องน้ำของห้องนี้สามารถเข้าได้ 2 ทางคือจากด้านนอก และด้านในห้องนอนครับ ก็จะสะดวกสำหรับคนที่มีเพื่อนหรือญาติมาเยี่ยมที่ห้องที่จะไม่ต้องให้แขกผ่านเข้าไปในห้องนอน

พื้นที่ของห้องอเนกประสงค์จะเชื่อมต่อกับส่วนของ Living Area ซึ่งจริงๆ แล้วห้องนี้เราสามารถทำเป็นห้องนอนเล็กได้ วางเตียงขนาด 3 ฟุตได้สบายๆ ครับ หรือใครที่ชอบไอเดียการตกแต่งเป็นห้องทำงานแบบที่โครงการแต่งมาให้ดูก็ได้เช่นกันครับ

สำหรับห้องนอนนั้นทางโครงการตกแต่งด้วย Mood & Tone ที่ลงตัวกับผู้หญิงดีครับ วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ และมีพื้นที่ช่วงหัวเตียงจัดเป็นมุมแต่งตัวได้ครับ

คราวนี้เราลองไปดูกันดีกว่าครับว่าโครงการนี้จะเหมาะกับใครบ้าง…

คอนโดนี้เหมาะกับใคร?

ทุกวันนี้ต้องยอมรับเลยครับว่านักธุรกิจจีนเข้ามาลงทุนในไทยเยอะมาก แม้ว่าจะมีหลากหลายประเภทธุรกิจ แต่อีกสิ่งที่กลุ่มนักลงทุนเหล่านี้ให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ก็คือ การลงทุนอสังหาฯ ยิ่งถ้าโครงการไหนที่เปิดให้ชาวต่างชาติสามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้นก็ยิ่งเป็นโครงการที่จะถูกจับตามองจากกลุ่มนักลงทุนมากเช่นกันครับ และความน่าสนใจของย่านนี้ก็คือกลุ่มนักลงทุนชาวจีนที่เข้ามาปักหลักเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ก็เพราะที่นี่มีสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำอยู่ในประเทศไทยตั้งอยู่ในย่านพระราม 9 ซึ่งการเข้ามาของกลุ่มนักลงทุนชาวจีนนั้นดีอย่างไร? แน่นอนว่าจีนคือ 1 ในประเทศมหาอำนาจของโลก การที่ทำเลแห่งนี้กลายเป็นทำเลยอดฮิตของนักธุรกิจจีนถือเป็นเรื่องดีในแง่ของการลงทุนครับ ซึ่งย่านนี้ค่อนข้างได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุน ด้วยศักยภาพทั้งเรื่องของการคมนาคม การเป็นศูนย์รวมห้างชั้นนำ และ Office เกรด A ต่างๆ Demand ของผู้คนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโครงการ “GROOVE รัชดา – พระราม 9” ด้วยเรื่องสเปกที่ทำมาดี ส่วนกลางให้เยอะ จึงค่อนข้างเป็นที่จับตามอง บวกกับ Yield ที่สูง 6 – 7% ต่อปี ดังนั้นผมมองว่าโครงการสามารถซื้ออยู่เองได้ครับ หรือลงทุนปล่อยเช่าก็คุ้มค่ามากเช่นกัน

…ดังนั้น ผมขอสรุปมุมมองนักสืบอสังหา อีกครั้งดังนี้ครับ

ความเห็นในมุมนักสืบอสังหา

1. ทำเล : รัชดา – พระราม 9 ถือว่าเป็นทำเลที่มีศักยภาพในตัวอยู่แล้ว เมื่อก่อนทำเลไม่คึกคักมาก แต่เมื่อมีโครงการรถไฟฟ้าเข้ามาถึง กลายเป็นว่าทั้งกลุ่มนักลงทุนหรือแม้แต่คนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพเองกลับต้องให้ความสนใจย่านนี้เป็นพิเศษ เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของการเดินทางที่สะดวก แต่แหล่งอำนวยความสะดวกในย่านนี้เรียกได้ว่าครบทั้งช้อป ชิม ชิล เลยครับ

2. ราคา : เริ่ม 2.69 ล้าน* ได้ Fully Furnished แถมยังได้สเปกที่ดี บวกกับทำเลนี้ที่ค่อนข้างมีศักยภาพ เมื่อเทียบกับราคาของโครงการแล้ว ผมว่าคุ้มครับ

3. ส่วนกลาง : ส่วนกลางที่นี่ให้มาเยอะเลยครับ จัดเต็มไม่ต่างจากคอนโดรูปแบบ High Rise ทั้งยังมี Home Automation ให้ความสะดวกสบายต่อลูกบ้านอีกด้วยครับ

4. รูปแบบห้องและสเปก : ฟังก์ชันห้องของโครงการนี้ผมว่าจัดรูปแบบมาได้ลงตัว เน้นพื้นที่ใช้สอยและการอยู่อาศัยจริง ซึ่งฟังก์ชันครัวปิดค่อนข้างโดดเด่น และให้มาหลายห้องคละๆ กับฟังก์ชันครัวเปิด ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการให้มาก็เลือกใช้แบรนด์มาตรฐานครับ

5. การลงทุน : อย่างที่ผมบอกไปครับว่าทำเลนี้เป็นทำเลน่าลงทุนมากทำเลหนึ่ง อย่างพระราม 9 ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ และยังมีเหล่านักลงทุนต่างชาติมากมายที่เข้ามาทำงานอยู่ในย่านนี้ โดยเฉพาะนักลงทุนชาวจีนที่มีค่อนข้างมาก บวกกับ Yield ที่สูง 6 – 7% ต่อปี ดังนั้นหากใครที่มองหาโครงการสำหรับปล่อยเช่า ผมว่าเหมาะมากครับ

 

หากใครสนใจโครงการสามารถลงทะเบียน ได้ที่ >> http://bit.ly/2kOal6v

 

 

โพสต์ไว้ที่: Review

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *