สืบโครงการ ‘พาร์ค 168 นพรัตน์ – รามอินทรา’

          ถ้าพูดถึงแบรนด์ L.P.N. ที่ผ่านมาเราคงนึกถึง เจ้าตลาดคอนโดมิเนียม ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคุ้มค่า คุ้มราคา แต่ในช่วง 2-3 ปีให้หลัง L.P.N. เปิดตัวโครงการใหม่น้อยลงไปมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจในช่วงนั้นด้วย อย่างในปีนี้ 2566 ภาพรวมในตลาดอสังหา กลุ่มตลาดคอนโดก็ถือว่าเปิดตัวโครงการน้อยมากเหมือนกัน ฉะนั้นการกลับมาในครั้งนี้ของ LPN ก็เพื่อขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มคนอายุน้อยลง พร้อมสร้างแบรนด์ใหม่ในตระกูล ‘168’ ซึ่งครอบคลุมตลาดที่อยู่อาศัยทุก Segment ตั้งแต่ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม ไปจนถึง คอนโดฯ อาทิ เมซอง 168, เรสซิเดนซ์ 168, และพาร์ค 168 ซึ่งก่อนหน้านี้เปิดตัวโครงการแรกไปบนทำเลอ่อนนุชกับ พาร์ค 168 อ่อนนุช 19 ที่เน้นความเรียบง่ายสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งนี้การสร้างแบรนด์ใหม่ในตระกูล 168 ไม่ได้เป็นการสร้างแบรนด์ขึ้นมาเพื่อสลัดภาพจำของ ลุมพินี หรือ Rebranding แต่เป็นการสร้างแบรนด์ใหม่ ให้มีความแตกต่าง และตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในตลาดได้ชัดเจน และวันนี้ผมพามารู้จักกับโครงการใหม่ที่พึ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน ‘พาร์ค 168 นพรัตน์รามอินทรา’ 

          โครงการ ‘พาร์ค 168 นพรัตน์รามอินทรา’ คอนโด High Rise สูง 25 ชั้น จำนวน 3 อาคาร อาคารจอดรถ 1 อาคารสูง 8 ชั้น และอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ตั้งอยู่ติดถนนรามอินทรา ใกล้กับรพ.นพรัตน์ราชธานี และรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีนพรัตน์ ประมาณ 550 เมตร ส่วนจำนวนห้องจะอยู่ที่ 1,224 ยูนิต ที่จอดรถประมาณ 43% จอดได้ 523 คันไม่รวมซ้อนจอด มาพร้อมสวนและส่วนกลางเน้นธรรมชาติ

ต่อเรามาดูเรื่องทำเลกันครับ

          สำหรับทำเล ’นพรัตน์-รามอินทรา’ หรือจริง ๆ แล้วก็คือย่าน ‘มีนบุรี-รามอินทรา’ ทำเลส่วนต่อขยายกรุงเทพฯ โซนตะวันออก (EBD) ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่เข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัย ในการยกระดับการเดินทางบนทำเล มีนบุรี-รามอินทรา ให้มีความสะดวกสบาย และเข้าถึงใจกลางเมืองได้ง่ายขึ้น ซึ่งหากพิจารณาจากเส้นทางของตัวทำเล ย่านนี้นับว่าเป็นย่านที่มีการเชื่อมต่อที่ค่อนข้างครบ เพราะมีถนนเส้นหลักอย่าง ถนนรามคำแหง, ถนนรามอินทรา และถนนเสรีไทย รวมไปถึงระบบขนส่งที่มีทั้ง วินมอเตอร์ไซค์, รถสองแถว, รถตู้ และรถเมล์ ทำให้สามารถเชื่อมไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ได้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น ที่สำคัญที่สุด คือการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ทำให้การเชื่อมต่อของผู้ระหว่างฝั่งตะวันตกก-ตะวันออก ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

          นอกจากนี้ในแง่การลงทุน ย่านนี้ยังเต็มไปด้วยแหล่งงานขนาดใหญ่ ซึ่งที่เห็นชัดที่สุด หนีไม่พ้นกลุ่มบุคลากรในโรงพยาบาล เนื่องจากพื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วย โรงพยาบาลทั้งขนาดกลาง และใหญ่หลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลนพรัตน์ราชธานี, โรงพยาบาลเสรีรัตน์, โรงพยาบาลนวมินทร์ 1 และโรงพยาบาลนวมินทร์ 9 เป็นต้น อีกทั้งยังมีนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ซึ่งนับว่าเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่อีกหนึ่งแห่งในย่านนี้ ที่ทำให้ผู้คนไหลเวียนกันเข้ามาอยู่อาศัยไม่ขาดสาย จึงเห็นได้ชัดว่าทำเลมีนบุรี – รามอินทรา เป็นทำเลที่มีดีมานด์อยู่ภายในตัวเองชัดเจน หากคิดจะซื้อ ลงทุนปล่อยเช่า ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะราคาปล่อยเช่าของอะพาร์ตเมนต์ในย่านนี้เฉลี่ย 7,000-7,500 บาท/เดือน ซึ่งอยู่ในเรตที่พอจะสามารถหาคอนโดดี ๆ ที่มี Facility ครบครัน และระบบรักษาความปลอดภัยได้เลย ไม่เพียงเท่านั้นแนวโน้มราคาที่ดินในย่านนี้ มีอัตราเพิ่มขึ้นสูงถึง 25-30% จากเดิมอยู่ 95,000 -100,000 บาท/ตร.ว. ปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่ 125,000 บาท/ตร.ว. หากคิดจะลงทุนผมมองว่า ‘มีนบุรี-รามอินทรา’ เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าลงทุน

          ด้านไลฟ์สไตล์ ก็มีทั้งศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง เดอะ พรอมานาด และแฟชั่นไอส์แลนด์เป็นแลนด์มาร์กสำคัญ รวมไปถึงไฮเปอร์มาร์เก็ต, คอมมิวนิตีมอลล์ และตลาดขนาดใหญ่ กระจายตัวรองรับอยู่ในทำเลด้วยครับ

          นอกจากนี้การเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีชมพู และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งจะไม่พูดถึงคงไม่ได้ เพราะถือเป็นการพัฒนาด้านคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในทำเลมีนบุรี-รามอินทรา เนื่องจากการเข้ามาของสายสีชมพูมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ ทำเลชานเมือง เข้าถึงใจกลางเมืองได้ง่าย และสะดวกรวดเร็วมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับด้านการเดินทาง และการเป็น Node ในทำเลมีนบุรี-รามอินทรา ขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ

Wellbeing Haven, take a moment just breathe 

หยุดความวุ่นวาย หายใจได้ฉ่ำปอดกว่าที่เคย

          สำหรับโครงการ ‘พาร์ค 168 นพรัตน์รามอินทรา’ อย่างที่ผมได้กล่าวไปข้างต้น ทาง L.P.N ต้องการเปลี่ยนโฉมภาพลักษณ์ของแบรนด์ ให้สมกับคำว่า Park จริง ๆ โครงการจึงถูกออกแบบภายใต้คอนเซปต์ ‘Nordic Well Being Philosophy’ เน้นความเรียบง่าย และเลือกใช้เส้นสายที่เป็นแนวเฉียง หรือรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ในลักษณะของบ้านต้นไม้ เพื่อสะท้อนความเป็นป่าสนในโซนสแกนดิเนเวีย และด้วยลักษณะที่ดินโครงการเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหน้าแคบที่มีความยาวของที่ดินมากติดกับถนนรามอินทรา ทำให้อาคารพักอาศัยถูกวางตัวไปตามแนวยาว โดยมีระยะห่างระหว่างอาคาร ค่อนข้างมาก ทางโครงการจึงเลือกใช้พื้นที่ตรงนี้ในการจัดสรรพื้นที่ส่วนกลาง และสวนขนาดใหญ่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อรองรับการใช้งานของผู้พักอาศัยได้อย่างแท้จริง

Facilites

ตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างลงตัว

          ในส่วนของ พื้นที่ส่วนกลาง โครงการสามารถจัดสรรได้ถึง 9,000 ตร.ม. หรือประมาณ 5 ไร่ปลาย ๆ เมื่อเทียบกับพื้นที่โครงการกว่า 10 ไร่ เทียบเท่าครึ่งต่อครึ่งครับ โดยมีการออกแบบพื้นที่ให้มีการกระจายตัว เพื่อเป็นการกระจายการใช้งาน ให้ลูกบ้านได้ใช้งานอย่างครอบคลุม โดยไฮไลต์หลัก ๆ จะเป็นในส่วนของ Lobby ขนาดใหญ่ที่แยกส่วนให้ในแต่ละอาคาร ทำให้สามารถพาเพื่อนมาทำกิจกรรมได้โดยไม่รบกวนความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านท่านอื่น ๆ ทั้งนี้ Facilites ส่วนใหญ่ของโครงการ จะเน้นไปที่การเชื่อมเข้ากับธรรมชาติ และพื้นที่กิจกรรมเพื่อสุขภาพขนาดใหญ่ อาทิ Urban Roof Forest Park, The Spiral Treetop Passage, Observation Circular Tree House, Outdoor Skate Garden, The Gym, Semi Outdoor Yoga และBlue Lagoon Wellness Pool สระว่ายน้ำความยาว 30 เมตร และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ตอบโจทย์ความต้องการในเรื่อง Well-being หรือการมีสุขภาพที่ดีครับ

รูปแบบห้องหลากหลายตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์

สำหรับไทป์ห้องของโครงการ พาร์ค 168 นพรัตน์ – รามอินทรา หลักๆ จะมี 4 ไทป์ด้วยกันครับ 

∎ STUDIO⁺ พื้นที่ใช้สอย 25 sq.m.

∎ 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34 sq.m.

และวันนี้ผมพาทุกคนมาเปิดห้องตัวอย่าง 2 รูปแบบ ให้ชมกันครับ

STUDIO⁺ พื้นที่ใช้สอย 25 sq.m.

          รูปแบบห้องแรกนี้ มีจุดเด่นคือ การจัดวาง LayOut ของห้องที่จัดวางทุกส่วนแยกออกจากกันชัดเจน แต่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง เนื่องจากเป็นห้องที่มีการกั้นกระจกแยกส่วนห้องนอนเอาไว้ให้ เหมือนห้องแบบ 1 นอน พร้อมส่วนครัวปิดติดระเบียง และเพดานที่สูงถึง 2.6 เมตร

          เข้ามาจะเจอกับมุมพักผ่อน ทางโครงการให้เฟอร์นิเจอร์ลอย บิลต์อิน และแอร์ 1ตัว โดยส่วนของโซฟาสามารถวางโซฟา สำหรับ 2 ที่นั่งได้ ถูกเว้นระยะทางเดินไว้พอดี บวกกับที่นั่งรับประทานอาหารอีก 1 ชุด ส่วนงานบิลต์อินที่ชิดผนัง ทางโครงการให้มาเช่นกันครับ สามารถใช้วางของใช้ หรือจะวางเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียง ลำโพง ได้เช่นกัน ทำให้ได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นครับ

          ถัดเข้าไปจะเจอกับครัวที่ติดกับระเบียง ต้องบอกก่อนว่าทางโครงการไม่ได้ให้ประตูกั้นส่วนครัวมาให้ แต่ผู้พักอาศัยสามารถติดประตูกั้นได้ เพื่อป้องกันปัญหาเรื่องกลิ่น ระหว่างการประกอบอาหารครับ

     ในส่วนของห้องนอน จะถูกกั้นกระจกแยกส่วน เหมือนห้องขนาด 1 Bedroom โครงการจะบิลต์อิน แท่นไม้สำหรับวางเตียงมาให้พร้อมกับ แอร์ด้านในอีก 1 ตัว ทำให้ทั้งห้อง จะได้ แอร์ทั้งหมด 2 ตัว และสุดท้ายห้องน้ำ ถูกแยกออกจากห้องนอน อยู่ติดกับพื้นที่พักผ่อนครับ

          ส่วนตัวผมมองว่าห้องไทป์นี้ถือเป็นทางเลือกที่ดี สำหรับใครที่มองไว้ปล่อยเช่า เพราะขนาดของห้องถือว่าถูกออกแบบมาค่อนข้างพอดี สำหรับผู้อาศัย 1-2 คน จึงเป็นทางเลือกที่สนใจ แต่ขอบอกก่อนว่ามีแค่ชั้นละ 7 ห้องเท่านั้นครับ

1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 34 sq.m.

          สำหรับรูปแบบห้องที่ 2 นี้ เป็นห้องไทป์ที่ใหญ่ที่สุด สิ่งที่โดดเด่นในไทป์นี้เลยก็คือ การวาง Layout แต่ละส่วนให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว แต่ทุกพื้นที่ยังเชื่อมถึงกัน ด้วยพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ทำให้การแบ่งสัดส่วนง่ายขึ้น 

          เมื่อก้าวเข้ามาภายในห้องจะเจอกับมุมนั่งเล่น สามารถวางโซฟา สำหรับ 2 ที่นั่งได้สบาย และถูกเว้นระยะทางเดินไว้พอดี ติดกันจะเป็นพื้นที่ที่โครงการตกแต่งโดยใช้วางโต๊ะขวางของข้างโซฟา แต่สำหรับผู้พักอาศัยสามารถปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นมุมรับประทานอาหารได้ และถัดเข้าไปก็จะเป็นส่วนครัว ซึ่งอยู่ติดระเบียง และเหมือนกันกับห้องแรกคือ โครงการไม่ได้ให้ประตูกั้นส่วนครัวมาให้ แต่ผู้พักอาศัยสามารถติดประตูกั้นได้

สำหรับห้องนอนของห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 5.5 ฟุต กำลังดี มีสเปซเหลือด้านข้างทำเป็นมุมทำงานได้ ซึ่งตรงปลายเตียงจะเป็นงานบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ มาพร้อม แอร์ 1 ตัว ส่วนด้านหน้าห้องจะเป็นที่โล่ง ติดกันกับห้องน้ำ มีบิลต์อินชั้นวางของมาให้ สามารถดัดแปลงให้พื้นที่ตรงนี้ทำเป็น Walk in Closet ขนาดย่อมได้ครับ

โครงการนี้เหมาะกับใคร ?

          เป็นอย่างไรกันบ้างครับ โครงการ ‘พาร์ค 168 นพรัตน์รามอินทรา’ ถือได้ว่าเป็นโครงการที่ตั้งใจพัฒนามาให้เติบโตไปพร้อมกับการเข้ามาของโครงการรถไฟฟ้า สายสีชมพู ที่จะเข้ามารองรับดีมานด์ที่เพิ่มขึ้นจากผู้พักอาศัย และลงทุน ในย่านชานเมือง

ถ้าถามว่าทำไม มีนบุรี-รามอินทรา ถึงเป็นทำเลที่น่าสนใจ?

          ก็ต้องบอกว่า ศักยภาพของการเป็นพื้นที่แห่งการเชื่อมต่อ และการเดินทางของมีนบุรี-รามอินทรา เองนั่นแหละ ที่ช่วยผลักดันให้ทำเลชานเมืองอย่าง ‘มีนบุรี-รามอินทรา’ มีความแข็งแกร่งด้วยระบบคมนาคม และการขนส่งที่เพียบพร้อม ทำให้กลายเป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีแนวโน้มอนาคตสดใส น่าอยู่ และอุดมสมบูรณ์ ไม่แพ้ใจกลางกรุงเทพฯ

…ดังนั้น ผมขอสรุปในมุมมองนักสืบอสังหา อีกครั้งดังนี้ครับ

ทำเล : ทำเลดีตั้งใกล้รถไฟฟ้า อยู่ใกล้แหล่งงานใหญ่ ทั้งการเป็นย่าน Medical Hub และอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย ส่งผลให้มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องสูง อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อการเดินทางทั้งรถส่วนตัว ขนส่งสาธารณะ ที่มีให้เลือกครบทุกช่องทาง เพียงไม่กี่นาทีถึงใจกลางเมือง สิ่งแวดล้อมรอบโครงการ ค่อนข้างสมบูรณ์ ด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำครบวงจร ทั้งโรงพยาบาล ห้องสรรพสินค้า ไปจนถึงตลาดเล็ก – ใหญ่ 

ราคา : ราคาเริ่มต้น 1.69 ลบ.* เหมาะสำหรับใครที่ต้องการพักอาศัยเอง และลงทุน เพราะด้วยปัจจัยหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น การเติบโตของทำเลที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีชมพูที่จะช่วเติมเต็มการเดินทางให้ครบวงจรมากขึ้น ผมมองว่าคุ้มครับ

ส่วนกลาง : พื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มกับพื้นที่สีเขียว ให้คุณหายใจได้ฉ่ำปอด ไม่น้อยเกินไป เน้นไปที่เรื่องของการรักษาสุขภาพ และความหลากหลาย ที่สามารถใช้งานได้จริง

รูปแบบห้อง และสเปก : รูปแบบห้องพักที่นี่ค่อนข้างตอบโจทย์การใช้งาน มีการกั้นแต่ละมุมอย่างเป็นสัดส่วน พร้อมทั้ง ไฮไลต์คือห้อง STUDIO⁺ ซึ่งเป็นห้องที่เหมาะแก่การลงทุนครับ

📌 สำหรับใครที่สนใจ สามารถลงทะเบียน ได้ที่ : https://bit.ly/3ACsYxI

โพสต์ไว้ที่: Blog

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *