สืบคอนโดแนว Urban Living ‘คัลเจอร์ ทองหล่อ’

‘ทองหล่อ’ ได้ชื่อว่าเป็น Prime Area ของกรุงเทพฯ ที่ยืนหนึ่งเรื่องราคาประเมินที่ดินสูงขึ้นทุกปี เพราะเป็นทั้งทำเลที่อยู่ใจกลางธุรกิจ ในขณะเดียวกันบริเวณนี้พรั่งพร้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ ศูนย์กลางของ Flagship Store แบรนด์ชั้นนำระดับโลก และบริเวณต้นซอยทองหล่อยังเป็นที่ตั้งของ BTS สถานีทองหล่อ จึงสะดวกสบายต่อการเดินทาง

ด้วยความลงตัวในทุกด้าน ทำให้ย่านนี้เป็น Residential Area ของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งเข้ามาทำงาน ท่องเที่ยว และลงทุน โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น นิยมเข้ามาพักอาศัยและทำธุรกิจในย่านทองหล่อซึ่งเห็นได้เด่นชัดที่สุด จากกลิ่นอายของวัฒนธรรมการกินอยู่แบบญี่ปุ่นที่แทรกตัวอยู่ในทุกๆ ซอยในย่านทองหล่อ และความยูนีคในแบบทองหล่อ ทำให้หลายคนอยากเข้ามาใช้ชีวิตในย่านนี้ ย่านที่ได้ชื่อว่าคอนโดมิเนียมมีราคาเฉลี่ยสูงที่สุดติดอันดับต้นๆ ในประเทศไทย

และเมื่อประมาณ Q2 ที่ผ่านมา ทาง Ananda Development เริ่มประกาศที่จะพัฒนาแบรนด์ใหม่ภายใต้ชื่อ ‘CULTURE’  สำหรับเจนเนอเรชันใหม่ที่ต้องการใช้ชีวิตในเมือง โดยครั้งนี้ได้ Collabs แบรนด์ระดับโลก เพื่อตอบสนองเทรนด์การอยู่อาศัยในอนาคต บอกได้เลยว่าโครงการ Culture Thonglor (คัลเจอร์ ทองหล่อ) โครงการที่จะพามารู้จักวันนี้เป็นโครงการที่น่าจับตามองจริงๆ เพราะราคาเปิดตัวมาคุ้มสุด และได้ใช้ชีวิตบนทองหล่อ แค่ 4.09 ล้านบาท* หรือเฉลี่ยทั้งโครงการ 170,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้น คนรุ่นใหม่เอื้อมถึงง่าย เรามาดูกันเลยดีกว่าครับว่าโครงการ Culture Thonglor (คัลเจอร์ ทองหล่อ) จะเป็นโครงการที่น่าสนใจ จริงหรือไม่ ?

ครั้งแรก ANANDA จับมือ 2 แบรนด์ดังระดับโลก

The Ascott และ Scratch First

โครงการ Culture Thonglor เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1-3-56.3 ไร่ จำนวน 493 ยูนิต มีที่จอดรถ 200 คัน หรือคิดเป็น 59% และอย่างที่บอกไปว่าแบรนด์ Culture จะมีเอกลักษณ์ชัดเจนและโดดเด่นแตกต่างจากโครงการอื่น โดยโครงการนี้จะเป็นความร่วมมือกันของ 3 พันธมิตร คือ Ananda Development  The Ascott และ Scratch First

นอกจากเป็นคอนโดที่สะดวกสบายในการเดินทางแล้ว Culture Thonglor ยังเป็นคอนโดที่มี Serviced Apartment ระดับโรงแรม 5 ดาว ซึ่งก่อนหน้านี้ทางอนันดาออกมาประกาศเดินหน้าโครงการให้ตอบโจทย์เทรนด์การอยู่อาศัยในอนาคต และแบรนด์ Culture  จึงได้จับมือ The Ascott เข้ามาช่วยบริหารจัดการการอยู่อาศัยให้สะดวกสบายมากขึ้น ตอบสนองวิถีชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น  Concierge Service, Room Cleaning Service และ Technician & Security 24-hours นอกจากนี้ยังมีบริการแบบ On-Demand สำหรับผู้ที่ต้องการจัดการชีวิตประจำวัน เช่น บริการซักรีด ทำความสะอาดห้องพัก ฯลฯ ด้วยความรู้สึกเหมือนใช้บริการในโรงแรมหรูในทุกวัน

อีกทั้งยังร่วมมือกับ Scratch First ออกแบบพื้นที่ภายในโครงการ เพื่อให้เป็นคอนโดที่มีแนวคิดใหม่ ให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน คือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงาน และมีความยั่งยืน ตั้งแต่การก่อสร้างตลอดจนการใช้งาน ยังมีการวางระบบการจัดการขยะ ด้วยแนวคิด Reduce Reused Recycle

 

คอนโดแนวคิดใหม่

เพื่อการอยู่อาศัยแบบ URBAN LIVING

การนำเอาแนวคิดใหม่ ของการอยู่อาศัยในสังคมร่วมสมัย คืออีกสิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของ Culture Thonglor และไม่เหมือนใคร สำหรับแนวคิดที่ว่านี้ หลักๆ จะแบ่งแบบนี้ครับ

Eco & Sustainable Living ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อการใช้งาน เช่น ระบบ Solar Cell ในการผลิตพลังงานสะอาดใช้ในโครงการ

Air Quality โครงการเน้นสร้างบรรยากาศการพักผ่อนด้วยอากาศบริสุทธิ์ เช่น พื้นที่สีเขียวภายในโครงการ ระบบกรองฝุ่น PM 2.5 และฆ่าเชื้อไวรัส

และ Trash Management หรือการวางระบบจัดการขยะ โดยจะมี จุดคัดแยกขยะ รีไซเคิล  โครงการยังติดตั้งจุดบริการน้ำสะอาด เพื่อช่วยลดการใช้พลาสติกอีกด้วยครับ

สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะกระจายอยู่ในชั้น 1, 2, 11, 33, 34, 35 และ Rooftop จุดเด่นคือจะมีพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตอบโจทย์คนที่มีเวลาพักผ่อนไม่เหมือนกัน และมีอีกหลายๆ ฟังก์ชัน ที่ตอบโจทย์คนเจนใหม่  เช่น Video Call Booth ห้องทำงานที่เงียบสงบ สำหรับคุยงาน ประชุมออนไลน์ รวมถึง Live Studio สำหรับสายยูทูปเบอร์และช่างภาพ

และโครงการยังพยายามจะสร้าง Community เพื่อให้ลูกบ้านได้มีส่วนร่วมและใช้งานได้ในชีวิตจริง เช่น พื้นที่สำหรับปลูกพืชสวนครัว เป็นของส่วนกลางที่ทุกคนจะแบ่งปันกัน  การจัดอีเว้นท์ภายในโครงการเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์  โครงการยังมีคัดแยกขยะก่อนทิ้งเพื่อนำไปรีไซเคิล มีสถานีกดน้ำดื่มเพื่อลดการใช้พลาสติก ด้วยคอนเซ็ปต์ Reduce Reused Recycle และยังนำโซล่าเซลล์เขามาใช้กับพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน สอดคล้องกับแนวคิด Sustainability เป็นการอยู่ร่วมกัน มนุษย์ ธรรมชาติ อย่างยั่งยืน

24/7 CO-WORKING SPACE รองรับทุก Lifestyle การทํางานที่แตกต่าง เพื่อคนทำงานทุก Timezone และไม่ว่าจะกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่หรือ Private ก็มาใช้ได้ตลอด

 

ส่วนรูปแบบของห้องจะมีให้เลือกหลากหลาย ดังนี้

🔸 Studio ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24-27.5 ตร.ม.

🔸 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ใช้สอย 31-34 ตร.ม.

🔸 2 Bedrooms ขนาดพื้นที่ใช้สอย 51.5 ตร.ม.

🔸 Studio Hybrid (Exclude Mezzanine) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 24.5-31.5 ตร.ม.

🔸 1 Bedroom Hybrid (Exclude Mezzanine) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 32-34 ตร.ม.

🔸 2 Bedrooms Hybrid (Exclude Mezzanine) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 51  ตร.ม.

 

วันนี้ผมจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการ 3 แบบด้วยกัน…

ห้องตัวอย่าง STUDIO

ขนาด 26.00 ตร.ม.

เริ่มต้นด้วยห้องแบบสตูดิโอครับ โครงการตกแต่งให้เห็นฟังก์ชันห้องขนาดเริ่มต้น แต่ครบและจัดเต็มฟังก์ชัน ภายในห้องเดียว ที่มีทั้ง ห้องนอน พื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ทำงาน ทำครัว ห้องน้ำ และระเบียง

เข้ามาโซนแรกจะเจอกับครัวปิด ที่มีเคาน์เตอร์ครัวฟังก์ชันครบ ฝั่งตรงข้ามจะเป็นห้องน้ำ

ถัดเข้ามาจะเป็นห้องนอนพร้อมมุมนั่งเล่นข้างเตียง สำหรับห้องพักของโครงการจะมีฟังก์ชันพิเศษอย่างหนึ่งก็คือ Bay Window ซึ่งจะมีในทุกๆ ไทป์เลยครับ ซึ่งผมมองว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่ต้องการพื้นที่ทำงานในบ้าน ไม่แพ้ห้องนอน มุมนี้จึงเป็นอีกฟังก์ชันที่ดูเหมือนจะตอบโจทย์ความต้องการของวัยทำงานได้ดี  และเป็นอีกหนึ่งห้องที่เหมาะจะลงทุนระยะยาว

 

ห้องกว้าง ใช้งานได้จริง สังเกตได้จากมุมนั่งเล่นจะเชื่อมต่อกับเตียงประมาณ 5 ฟุต รู้สึกว่าไม่อึดอัดเลยครับ

ปลายเตียงสามารถบิวท์อินตู้เสื้อผ้า และชั้นวางทีวีได้ ไม่เบียดเบียนพื้นที่ทางเดินเลยครับ

มุมทำงาน แต่จัดวางออกมาได้ดี

 

ห้องตัวอย่าง 1 BEDROOM

ขนาด 32.00 ตร.ม.

ต่อกันที่ห้อง 1 Bedroom อีกหนึ่งไทป์ ซึ่งได้ขยายฟังก์ชันห้องนั่งเล่น ให้มีความเป็นสัดส่วน และเพิ่มมุมรับประทานอาหารเข้ามา ห้องนี้มีขนาดที่เหมาะสำหรับการลงทุน

โซนแรกจะพบกับครัว ห้องน้ำ และมีตู้เก็บของใส่รองเท้า กั้นโซนด้วยกระจก 3 ตอน ทำให้เปิดได้กว้างขึ้น

ภายในห้องน้ำ กั้นโซนเปียกและแห้งด้วยฉากกระจก มีชาวเวอร์พร้อมฝักบัว สีดำดูพรีเมียม

ตรงกลางจะเป็นมุมนั่งเล่นเพดานสูง 2.6 เมตร และระยะวางทีวีประมาณ 3 เมตร ติดตั้งทีวี 40-50 นิ้ว แบบดูได้สบายตา

พื้นที่ติดระเบียงจะวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต เชื่อมต่อระเบียงที่บริเวณปลายเตียง และด้านข้างของเตียงจะมีมุมทำงานให้เช่นเดียวกันครับ

ห้องตัวอย่าง STUDIO HYBRID

ขนาด 26.5 ตร.ม.

และอีกหนึ่งห้อง ที่มีเพดานสูงพิเศษ ซึ่งหากรวมพื้นที่ใช้สอยทั้งหมดจะอยู่ที่ 26.5 ตร.ม. (Exclude Mezzanine) เลยครับ จุดเด่นของห้องคือจะมีพื้นที่นั่งเล่นสูงโปร่ง  และมี Bay Window เชื่อมกับระเบียง ซึ่งเป็นกระจกบานสูงเต็มบาน เปิดมุมมองวิวเมืองได้สวยงามมาก

แปลนจะวางคล้ายๆ กัน คือจะเริ่มต้นครัวที่ติดกับห้องน้ำ ซึ่งแต่ละห้องจะกั้นเป็นสัดเป็นส่วนดี ฟังก์ชันครบ วางเคาน์เตอร์ครัว มีการเว้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ ฝั่งตรงข้ามจะมีชั้นวางรองเท้าอีกด้วย

ห้องน้ำกว้างขึ้น มีการแยกส่วนแห้งส่วนเปียก และได้โถสุขภัณฑ์เป็นแบบแขวนผนัง

ถัดเข้ามาจะเจอกับโซนนั่งเล่น วางเป็นโซฟายาวได้ เชื่อมกับมุมกินข้าวได้เลย การเว้นระยะทางเข้าออกค่อนข้างกว้างเลยทีเดียว 

ที่มุมของห้องจะเป็น Bay Window ซึ่งจะได้ความโปร่งเป็นพิเศษ ทั้งจากกระจกบานใหญ่ และกระจกแบบเข้ามุม ทำให้เปิดรับวิวได้สวยทุกมุมมอง สำหรับระเบียงกว้าง และไทป์นี้จะมีช่องใต้บันได สำหรับช่องเก็บของด้วยครับ

ห้องนอนจะมีความเป็นส่วนตัวเพราะอยู่ชั้นบน ขนาดพื้นที่สามารถวางเตียงนอนขนาด 5 – 6 ฟุตได้ ที่ปลายเตียงจะมีราวกันตก ถ้าใครไม่ชอบก็สามารถเปลี่ยนเป็นกระจกแทมเปอร์ ยังช่วยเปลี่ยนอารมณ์ห้องได้ด้วย ด้านข้างเตียงสามารถจัดวางตู้เสื้อผ้าบิวท์อินตลอดแนวยาวได้ และมีเครื่องปรับอากาศให้ 1 เครื่อง

เป็นอย่างไรบ้างครับกับฟังก์ชันห้องที่รีวิวให้ชม คราวนี้ไปส่องทำเลกันบ้าง…

 

‘สุขุมวิท 59’ ทำเล Residential area 

เหมาะแก่การพักผ่อนใจกลางทองหล่อ

นอกจากตัวโครงการที่โดดเด่นแล้ว ทำเลโครงการยังถือเป็นไฮไลท์ที่สำคัญ โดย Culture Thonglor ตั้งอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 59 ห่างจากปากซอย 120 เมตร ซึ่งซอยสุขุมวิท 59 ก็จะเป็นซอยตันด้วย ฉะนั้นการจราจรจะไม่วุ่นวาย และไม่ติดขัดเหมือนกับซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) หากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ผมจึงมองว่าซอยสุขุมวิท 59  มีความสงบน่าอยู่เหมาะแก่การพักอาศัยมากกว่า

สำหรับใครที่รักในไลฟ์สไตล์แบบทองหล่อ ก็ยังเข้าถึงได้ไม่แตกต่างกัน แต่มากกว่านั้นคือยังได้เรื่องของความเงียบสงบพักผ่อนได้ไพรเวทกว่า ซึ่งระยะห่างจากสถานี BTS ทองหล่อก็เพียงแค่ 250 เมตรเท่านั้น มี Sky Walk เชื่อมต่อถึงสถานี ทำให้สามารถจะเดินได้สบายๆ หรือหากใช้รถยนต์ในการเดินทางก็ทำให้เข้าออกโครงการได้ง่ายมากกว่า ซึ่งต้องบอกว่าการจะหาคอนโดทองหล่อที่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะที่เดินได้ กับราคาห้องไม่ถึง 200,000 บาท/ตร.ม. นั้นหาไม่ได้อีกแล้วครับ

และอย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า ทองหล่อ เป็นทำเลในฝันของหลายๆ คน เพราะเต็มไปด้วยไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ และความมีสีสันทั้งกลางวันและกลางคืน ล้อมรอบไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่, Community Mall, คาเฟ่ ร้านอาหาร อีกทั้งยังใกล้สถานศึกษา โรงพยาบาลชั้นนำ และพื้นที่สีเขียวปอดขนาดใหญ่ของกรุงเทพฯ เช่น สวนเบญจสิริ สวนเบญจกิติ เรียกได้ว่าครบจบในย่านเดียว

จากโครงการเดินไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS สถานีทองหล่อ ได้สบายๆ ระยะแค่ 250 เมตร โดยสามารถจะใช้ทางเชื่อมบริเวณซอยสุขุมวิท 57 ถึงสถานีได้เลย และโซนนี้ผู้คนไม่พลุกพล่าน

สามารถเลือกใช้ชีวิตในทำเลสุขุมวิท-ทองหล่อ-เอกมัย ได้แบบไม่มีขีดจำกัด ไม่ว่าจะช้อปปิ้งจาก Flagship Store ที่ย่านการค้า The Em District หรือโซนเอกมัย เช่น เกทเวย์ เอกมัย หรือแฮงค์เอาท์ภายในซอยทองหล่อ

สำหรับโครงการ Culture Thonglor (คัลเจอร์ ทองหล่อ) ถือว่าเป็นคอนโดที่เรียกได้เต็มปากว่าอยู่ใจกลางทองหล่ออย่างแท้จริง เพราะเดินไม่กี่ก้าวก็ถึง BTS สถานีทองหล่อ อีกทั้งโซนนี้ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน  แทบไม่ต้องอธิบายต่อเลยว่าทองหล่อดียังไง!!  

…ดังนั้น ผมขอสรุปมุมมองนักสืบอสังหา อีกครั้งดังนี้ครับ

ทำเล : ที่ตั้งของโครงการถือว่าน่าสนใจมากเพราะอยู่ใกล้รถไฟฟ้า สถานีทองหล่อ เพียง 250 เมตร บริเวณถนนสุขุมวิท 59 ซอยนี้เป็นซอยตัน การจราจรไม่จอแจ ทำให้ได้รับความเงียบสงบมากกว่า เหมาะกับการพักอาศัย 

ราคา : ราคาเฉลี่ยเริ่ม 159,000 – 170,000 บาท/ตร.ม. อาจมองดูว่าขยับออกจากซอยทองหล่อออกมา แต่ผมมองว่าคุ้มครับ เพราะต้องบอกว่าข้อจำกัดของทองหล่ออย่างเดียวเลยคือเรื่องรถติด พอขยับมาอยู่ซอยสุขุมวิท 59 จะได้ความสะดวกมากกว่ามากๆ แต่ก็ยังใกล้กว่าคอนโดที่อยู่ปลายซอยทองหล่อ ซึ่งเดินทางออกมากินเวลามากกว่า

ส่วนกลาง : ส่วนกลางจัดเต็ม และมีพื้นที่ทำงานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ความน่าสนใจคือ Culture Thonglor เป็นคอนโดแรกๆ ที่เน้นสร้าง Community ภายในโครงการ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดโครงการ

รูปแบบห้องและสเปก : ขนาดห้องหลากหลาย มีทั้งแบบ Simplex และห้องเพดานสูงพิเศษ 4.3 เมตร

การลงทุน : ดีทั้งอยู่เอง และลงทุนครับ อย่างที่ทราบว่าทำเลนี้ชาวต่างชาติอยู่กันเยอะ และธรรมชาติของชาวต่างชาติจะชอบใช้ชีวิตที่ไพรเวท Culture Thonglor มีโลเคชันที่ไม่วุ่นวาย และสามารถเดินไปรถไฟฟ้าง่าย ซึ่ง 2 ข้อนี้เป็นปัจจัยแรกๆ ที่คนมองหา

สำหรับใครที่สนใจ สามารถลงทะเบียน ได้ที่ https://anan.ly/3R7XWn5

โพสต์ไว้ที่: Review

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *